ปี 2025 ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านปีปฏิทิน แต่เป็นปีแห่งการปฏิวัติโครงสร้างพื้นฐานไอทีสำหรับองค์กรที่พึ่งพาเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันของ VMware โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเข้าซื้อกิจการโดย Broadcom การปรับโครงสร้างการออกใบอนุญาต (Licensing) ในครั้งนี้ถือเป็นการยกเครื่องโมเดลธุรกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของผลิตภัณฑ์ VMware ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการดำเนินงาน ความยืดหยุ่นทางสถาปัตยกรรม และการวางแผนกลยุทธ์ด้านไอทีขององค์กรทุกขนาด Great Ocean จึงขอพาเจาะลึกทุกมิติของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกการเตรียมรับมือ
การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง จุดจบของยุค Perpetual License
การเปลี่ยนแปลงหลักที่สร้างแรงสั่นสะเทือนที่สุดในอุตสาหกรรมคือการสิ้นสุดของ ไลเซนส์แบบถาวร (Perpetual Licenses) และการเปลี่ยนไปใช้โมเดล Subscription (การเช่าใช้) 100%
1. การเปลี่ยนผ่านจาก CapEx สู่ OpEx ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ลูกค้าเดิมที่เคยซื้อไลเซนส์ VMware แบบขาด (Perpetual) และจ่ายเฉพาะค่าบำรุงรักษาและการสนับสนุน (Support & Subscription – SnS) รายปี จะไม่สามารถต่ออายุ SnS ของไลเซนส์ถาวรเดิมได้อีกต่อไปเมื่อสัญญาปัจจุบันหมดอายุลง การเปลี่ยนแปลงนี้บังคับให้องค์กรต้อง
- เปลี่ยนแผนงบประมาณ งบประมาณไอทีจะเปลี่ยนจาก Capital Expenditure (CapEx) ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งเดียวในสินทรัพย์ถาวร ไปสู่ Operational Expenditure (OpEx) ที่เป็นการจ่ายค่าใช้จ่ายรายปีหรือรายหลายปีอย่างต่อเนื่อง นี่คือการปรับเปลี่ยนทางบัญชีครั้งใหญ่ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารระดับสูง (C-Suite)
- ต้นทุนรวมที่สูงขึ้น แม้ว่า Broadcom อาจโฆษณาว่าราคาต่อ Core ในชุดผลิตภัณฑ์หลักบางตัวลดลง แต่การถูกบังคับให้เปลี่ยนเป็นโมเดล Subscription มักจะส่งผลให้ ต้นทุนรวม (Total Cost of Ownership – TCO) ในระยะยาวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่เคยได้รับส่วนลดที่ดีในยุค Perpetual License
2. การลดความซับซ้อนด้วยการรวมผลิตภัณฑ์ (Bundling)
Broadcom ได้ลดความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ VMware จากเดิมที่มีมากกว่า 150 รายการ เหลือเพียงชุดผลิตภัณฑ์หลักไม่กี่ชุด โดยเน้นไปที่ VMware Cloud Foundation (VCF) และ vSphere Foundation (VVF)
- การสูญเสียทางเลือก ผลิตภัณฑ์เดี่ยวที่เข้าถึงง่ายและคุ้มค่าสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เช่น vSphere Essentials Plus Kit ได้ถูกยกเลิกไป ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMB) ถูกผลักดันให้ต้องซื้อชุด Bundle ระดับ Enterprise ที่มีฟีเจอร์สูงกว่าความจำเป็นจริง เช่น vSAN หรือ Aria Operations ซึ่งเป็นการจ่ายเงินสำหรับความสามารถที่อาจไม่ได้ใช้งาน
- โมเดล Per-Core ที่เข้มงวด การคิดค่าบริการเปลี่ยนไปใช้โมเดล Per-Core โดยมีข้อกำหนดขั้นต่ำที่ 16 คอร์ต่อ CPU (Socket) เสมอ การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อองค์กรที่ใช้เซิร์ฟเวอร์รุ่นเก่าหรือเซิร์ฟเวอร์ที่มีจำนวนคอร์ต่อ CPU ต่ำ เนื่องจากจะต้องซื้อไลเซนส์สำหรับจำนวนคอร์ที่ไม่ได้ใช้งานจริง
กลยุทธ์การปรับตัวสำหรับองค์กร สิ่งที่คุณต้องทำทันที
เพื่อให้องค์กรของคุณสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและลดผลกระทบทางการเงินให้เหลือน้อยที่สุด Great Ocean แนะนำให้ดำเนินการตามขั้นตอนเชิงกลยุทธ์ดังต่อไปนี้
1. การตรวจสอบและทำความเข้าใจการใช้งานจริง (Licensing Audit)
นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่คุณไม่สามารถละเลยได้ องค์กรจำเป็นต้องทำการตรวจสอบการใช้งาน VMware ทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะเข้าสู่การเจรจาต่ออายุสัญญา
- การวัดค่าที่ถูกต้อง ประเมินจำนวน Core ของ CPU ที่ใช้งานจริงในแต่ละ Host และเปรียบเทียบกับข้อกำหนดขั้นต่ำ 16 Core ต่อ CPU เพื่อคำนวณต้นทุนใหม่ที่แม่นยำ
- ระบุผลิตภัณฑ์ที่ใช้งาน ทำรายการว่าฟีเจอร์หรือผลิตภัณฑ์ใดในชุด Bundle ที่คุณกำลังจะถูกบังคับให้ซื้อนั้น คุณ ใช้งานจริง และฟีเจอร์ใดที่เป็นส่วนเกิน ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจาต่อรองเพื่อขอลดขนาด (Right-Sizing) หรือเป็นข้อมูลในการตัดสินใจย้ายไปยังแพลตฟอร์มอื่น
2. การวางแผนทางการเงินและกลยุทธ์การเจรจาต่อรอง
การต่อสัญญาไม่ใช่แค่การรับบิลใหม่ แต่คือการเจรจาต่อรองครั้งสำคัญที่ต้องมีข้อมูลเชิงลึก
- เตรียมรับมือค่าปรับ กำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนในการติดตามวันหมดอายุสัญญาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับการต่ออายุล่าช้าที่สูงถึง 20%
- ประเมินทางเลือก คำนวณ TCO 5 ปี ของการอยู่ต่อกับ VMware ภายใต้โมเดล Subscription เทียบกับการย้ายไปใช้ทางเลือกอื่น เช่น Microsoft Hyper-V (ซึ่งอาจมาพร้อมกับไลเซนส์ Windows Server อยู่แล้ว), KVM/OpenStack, หรือการย้าย Workload บางส่วนไปสู่ Public Cloud
- ใช้ประโยชน์จากคู่ค้าที่แข็งแกร่ง เนื่องจาก Broadcom ได้ลดจำนวนคู่ค้า การเลือกทำงานกับคู่ค้าที่ได้รับอนุญาตในระดับสูงสุดและมีประสบการณ์การเจรจาต่อรองกับ Broadcom โดยตรง เช่น Great Ocean จะช่วยให้คุณมีอำนาจต่อรองที่ดีขึ้นและได้รับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่เชื่อถือได้
3. การพิจารณาทางเลือกอื่น และกลยุทธ์ Multi-Cloud
องค์กรต้องมีความกล้าที่จะออกจาก Comfort Zone ของ VMware และสำรวจเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในระยะยาว
- Microsoft Hyper-V เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Microsoft อยู่แล้ว เนื่องจาก Hyper-V นั้นมักจะรวมอยู่ในไลเซนส์ Windows Server Standard หรือ Datacenter อยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องเสียค่าไลเซนส์ Hypervisor แยกต่างหาก
- การเร่งกลยุทธ์ Cloud-Native ใช้โอกาสนี้ในการประเมิน Workload ที่เหมาะสมสำหรับการย้ายไปยัง Public Cloud (AWS, Azure, GCP) และเปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมแบบ Container (Kubernetes) เพื่อลดการพึ่งพา Hypervisor แบบดั้งเดิม
ข้อสรุป การเปลี่ยนแปลงของ VMware ในปี 2025 กำลังสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อ IT Budget และแผนงานขององค์กรทั่วโลก แต่มันก็เป็นโอกาสที่คุณจะได้ทบทวนสถาปัตยกรรมไอทีทั้งหมด Great Ocean พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรของคุณในการนำทางการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานของคุณยังคงมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว





