ติดต่อเรา 08.00 - 17.30
โทร 02-943-0180 ต่อ 120
pngtree black ribbon for condolence mourning and melanoma awarness png image
Product categories

คู่มือธุรกิจ เลือก Firewall อย่างไรให้คุ้มค่า ปลอดภัย และตรงตามขนาดองค์กร

ในยุคที่การทำงานเปลี่ยนไปสู่ระบบคลาวด์ การทำงานทางไกล (Remote Work) และการใช้แอปพลิเคชันที่เข้ารหัส (Encrypted Traffic) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็พัฒนาตามอย่างก้าวกระโดด องค์กรต่าง ๆ ไม่สามารถพึ่งพา Traditional Firewall ที่เน้นการกรองข้อมูลพื้นฐานได้อีกต่อไป การโจมตีแบบ Zero-day และ Ransomware กลายเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่ประเมินค่าไม่ได้

การตัดสินใจ เลือก Firewall จึงไม่ใช่แค่การซื้ออุปกรณ์ แต่คือการวางรากฐานความมั่นคงปลอดภัยให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดขององค์กร การลงทุนใน Next-Generation Firewall (NGFW) ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับขนาดของธุรกิจ จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความปลอดภัยที่ยั่งยืนและคุ้มค่าในระยะยาว

คู่มือฉบับสมบูรณ์ นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแผนที่เชิงกลยุทธ์สำหรับผู้บริหารและทีม IT ในการประเมินความต้องการ, ทำความเข้าใจเกณฑ์ทางเทคนิคที่ซับซ้อน (เช่น NGFW Throughput และ Connection Per Second), และพิจารณาปัจจัยด้านต้นทุนรวม (TCO) เพื่อให้คุณสามารถ เลือก NGFW ที่ไม่เพียงแต่ปกป้องเครือข่ายได้ในวันนี้ แต่ยังรองรับการเติบโตและความเสี่ยงของธุรกิจในอนาคตได้อย่างแท้จริง

1. การวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจและความเสี่ยง (Strategic Alignment)

การ เลือก Firewall ต้องสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจและนโยบายความปลอดภัยโดยรวมขององค์กร

1.1 การประเมินสภาพแวดล้อมเครือข่ายปัจจุบัน (Network Context)

มิติการประเมินรายละเอียดที่ต้องพิจารณา
โครงสร้างเครือข่ายเป็นแบบ On-Premise, Hybrid Cloud, หรือ Multi-Cloud? Firewall ต้องรองรับการปกป้อง Workload บนทุกแพลตฟอร์ม (เช่น ต้องมี Virtual Firewall หรือ Cloud NGFW)
จุดเชื่อมต่อหลัก (Entry Points)มีสาขาย่อยกี่แห่ง? มีการใช้ VPN, VDI (Virtual Desktop Infrastructure) หรือไม่? NGFW ต้องมีฟังก์ชัน SD-WAN ในตัวเพื่อลดความซับซ้อนของการจัดการสาขา
จำนวนผู้ใช้และอุปกรณ์นอกจากพนักงานประจำแล้ว ต้องนับรวมผู้รับเหมา, อุปกรณ์ IoT, และ BYOD (Bring Your Own Device) ทั้งหมด เพื่อคำนวณจำนวน IP-to-User Mapping ที่ Firewall ต้องจัดการ

1.2 การกำหนดระดับความปลอดภัยที่ต้องการ (Security Posture)

  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance) หากองค์กรต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสากล (ISO 27001) หรือกฎหมายท้องถิ่น (PDPA) NGFW ต้องมีฟีเจอร์การเก็บ Log ที่ละเอียดและมีเครื่องมือช่วยในการจัดทำรายงานการตรวจสอบ (Audit Reports)
  • กลยุทธ์ Zero Trust Firewall ในยุคปัจจุบันควรทำหน้าที่เป็น Enforcement Point ของนโยบาย Zero Trust โดยสามารถตรวจสอบได้ทั้งผู้ใช้ (User Identity), แอปพลิเคชัน, และอุปกรณ์ (Device Posture) ก่อนอนุญาตให้เข้าถึงทรัพยากร

2. เกณฑ์เชิงเทคนิคและการเลือกขนาด (NGFW Sizing & Technical Specifications)

การเลือกขนาด Firewall ต้องพิจารณาประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเปิดใช้งานทุกฟีเจอร์ความปลอดภัย เพราะนี่คือประสิทธิภาพที่องค์กรจะได้ใช้งานจริง

2.1 ประสิทธิภาพการประมวลผล (Processing Performance)

สเปกหลักที่ต้องดูคำอธิบายและเหตุผลที่สำคัญ
NGFW Throughput (IPS/Threat Prevention)ตัวเลขสำคัญที่สุด! คือความเร็วเมื่อเปิดฟีเจอร์ความปลอดภัยทั้งหมด (IPS, Anti-Malware, Application Control) ควรเลือกให้สูงกว่าแบนด์วิธอินเทอร์เน็ต 2-3 เท่า เพื่อรองรับการใช้งานสูงสุด (Peak Usage) และการเพิ่มขึ้นของทราฟฟิกในอนาคต
SSL/TLS Inspection Throughputความสามารถในการถอดรหัส (Decrypt) และตรวจสอบทราฟฟิกที่เข้ารหัสแล้วเข้ารหัสใหม่ (Re-Encrypt) สำคัญมากเนื่องจากทราฟฟิกส่วนใหญ่เป็น HTTPS ถ้าค่านี้ต่ำ จะเป็น คอขวด (Bottleneck) ที่ทำให้เครือข่ายช้าลงทันที
New Sessions Per Second (CPS)จำนวนการเชื่อมต่อใหม่ที่ Firewall สามารถสร้างได้ใน 1 วินาที สำคัญสำหรับองค์กรที่มีการเข้าถึงเว็บไซต์/แอปพลิเคชันจำนวนมากพร้อมกัน
Maximum Concurrent Sessionsจำนวนการเชื่อมต่อรวมทั้งหมดที่ Firewall สามารถรองรับได้ หากมีการใช้งานแอปพลิเคชันที่มีการเชื่อมต่อต่อเนื่องสูง (เช่น Video Conference, Database) ค่านี้ต้องเพียงพอ

2.2 คุณสมบัติความปลอดภัยเชิงลึก (Advanced Security Capabilities)

  • Sandbox Technology ต้องมีการรวมฟีเจอร์ Sandboxing เพื่อแยกและตรวจสอบไฟล์ที่ต้องสงสัยในสภาพแวดล้อมจำลอง เพื่อป้องกัน Zero-day Malware และ Ransomware ที่ยังไม่เคยถูกตรวจพบมาก่อน
  • WAF (Web Application Firewall) หากองค์กรมี Web Application หรือ Server ที่เปิดให้เข้าถึงจากภายนอก NGFW ควรมี WAF ในตัวเพื่อป้องกันการโจมตีเฉพาะทาง เช่น SQL Injection, Cross-Site Scripting (XSS)
  • DLP (Data Loss Prevention) ความสามารถในการตรวจสอบและบล็อกการส่งข้อมูลสำคัญ (Sensitive Data) ออกจากเครือข่ายตามนโยบายที่กำหนด

3. ปัจจัยด้านการบริหารจัดการและความคุ้มค่า (Management & Value)

การบริหารจัดการและค่าใช้จ่ายในระยะยาวเป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าที่แท้จริง

3.1 ความง่ายในการบริหารจัดการ (Management Simplicity)

  • Centralized Management NGFW ควรมีแพลตฟอร์มการจัดการแบบรวมศูนย์ (Single Pane of Glass) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ทุกสาขา รวมถึง Cloud Firewall
  • Automation รองรับการทำ Automation สำหรับงานซ้ำ ๆ เช่น การอัปเดต Rule, การแจ้งเตือน, และการตอบสนองต่อเหตุการณ์ (Security Orchestration, Automation, and Response – SOAR) เพื่อลดภาระของทีม IT
  • Reporting & Logging ความสามารถในการสร้างรายงานที่เข้าใจง่ายและละเอียดอ่อนตามข้อกำหนดด้าน Compliance รวมถึงการส่ง Log ไปยังระบบ SIEM/Log Server อื่น ๆ

3.2 ความพร้อมใช้งานและความเสถียร (High Availability & Redundancy)

  • High Availability (HA) ต้องรองรับการทำ HA (Active-Active หรือ Active-Passive) เพื่อให้อุปกรณ์สำรองสามารถทำงานแทนได้ทันทีเมื่ออุปกรณ์หลักล้มเหลว (Failover) โดยไม่มี Downtime
  • Resiliency พิจารณาความสามารถในการทำงานร่วมกับ ISP (Internet Service Provider) หลายราย (Multi-WAN) เพื่อให้เครือข่ายยังคงออนไลน์ได้แม้ ISP หลักจะล่ม

3.3 การคำนวณอายุการใช้งานและ TCO (Total Cost of Ownership)

  • Life Cycle โดยทั่วไป Firewall ควรมีอายุการใช้งานทางเทคนิคและด้านความปลอดภัยไม่เกิน 5 ปี ควรวางแผนการเปลี่ยนอุปกรณ์ (Refresh Cycle) ล่วงหน้า
  • ค่า License และ Bundle สอบถามรายละเอียดว่า License เป็นแบบ All-inclusive (เหมาจ่ายทุกฟีเจอร์) หรือต้องซื้อแยกทีละโมดูล และค่า License จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่เมื่อจำนวนผู้ใช้หรือแบนด์วิธเพิ่มขึ้น

สรุป การ เลือก NGFW เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ การเลือกสเปกที่ถูกต้องตามค่า NGFW Throughput และการยืนยันว่ามีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น SSL/TLS Inspection และ Sandboxing จะช่วยให้องค์กรของคุณได้รับการปกป้องที่สมบูรณ์แบบและยั่งยืน

ติดต่อ GreatOcean เพื่อรับคำปรึกษาฟรี และค้นพบโซลูชันความปลอดภัยที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณวันนี้!

Line : @greatocean
Tel : 099-495-8880
Facebook : https://www.facebook.com/gtoengineer/
Email : support@gtoengineer.com