Wear OS คืออะไร?
Wear OS (เดิมเรียกว่า Android Wear) คือระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดย Google เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ เช่น สมาร์ตวอช (Smartwatch) โดยมีพื้นฐานการทำงานมาจากระบบปฏิบัติการ Android แต่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับหน้าจอขนาดเล็กและการใช้งานที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว เช่น การแจ้งเตือน การติดตามสุขภาพ และการควบคุมการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน
ก่อนจะมาเป็น Wear OS
Wear OS ไม่ได้เริ่มต้นด้วยชื่อนี้ตั้งแต่แรก แต่พัฒนามาจากระบบปฏิบัติการที่ชื่อ Android Wear ซึ่ง Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ เช่น สมาร์ตวอช และมุ่งเน้นการใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟน Android ในยุคนั้น
จุดเริ่มต้น Android Wear
Android Wear เปิดตัวในฐานะส่วนขยายของระบบ Android โดยเน้นการทำงานที่คล่องตัวบนหน้าจอขนาดเล็ก เช่น
- การแจ้งเตือน จากแอปพลิเคชันต่าง ๆ
- การใช้ Google Now เพื่อสั่งงานด้วยเสียง
- รองรับ แอปสุขภาพ และการออกกำลังกายเบื้องต้น
Android Wear ได้รับความนิยมพอสมควรในช่วงแรก โดยมีแบรนด์ใหญ่หลายรายเข้าร่วมผลิตสมาร์ตวอช เช่น
- Samsung Gear Live
- Motorola Moto 360
- LG G Watch
การเปลี่ยนแปลงเป็น Wear OS
ในปี 2018 Google ตัดสินใจรีแบรนด์ Android Wear เป็น Wear OS by Google ด้วยเหตุผลสำคัญคือ
- การขยายฐานผู้ใช้งาน
การรีแบรนด์ช่วยให้ระบบนี้ดูเป็นมิตรกับผู้ใช้อุปกรณ์ที่ไม่ใช่ Android เช่น iPhone - พัฒนาประสบการณ์การใช้งานใหม่
Wear OS ได้รับการปรับปรุงให้ตอบสนองและมีฟีเจอร์ทันสมัยมากขึ้น เช่น- การเพิ่ม Google Assistant
- รองรับ Google Fit สำหรับติดตามสุขภาพ
- การเชื่อมต่อกับ Google Play เพื่อดาวน์โหลดแอป
วิวัฒนาการของ Wear OS
หลังจากรีแบรนด์เป็น Wear OS ระบบปฏิบัติการนี้ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- Wear OS 2.0
- ปรับปรุงการออกแบบ UI
- เพิ่มฟีเจอร์การสั่งงานด้วยเสียงที่ดียิ่งขึ้น
- Wear OS 3.0 (2021)
- Google ร่วมมือกับ Samsung เพื่อพัฒนา Wear OS รุ่นใหม่ โดยรวมระบบ Tizen OS ของ Samsung เข้ามา
- เพิ่มความลื่นไหลของการทำงานและลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่
- Wear OS 4.0 (2023-2024)
- การปรับปรุงแบตเตอรี่
- การซิงค์ข้อมูลเร็วขึ้น
- รองรับการตั้งค่าผ่านสมาร์ตโฟนโดยตรง
Wear OS ทำอะไรได้บ้าง?
Wear OS เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ตวอชที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพ การเชื่อมต่อ และการใช้งานฟีเจอร์อัจฉริยะต่าง ๆ โดยฟังก์ชันหลักที่ Wear OS ทำได้มีดังนี้
1. การแจ้งเตือน (Notifications)
- แสดงการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เช่น สายเรียกเข้า ข้อความ อีเมล หรือการแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย
- สามารถตอบกลับข้อความหรือสายเรียกเข้าได้ทันที (สำหรับ Android รองรับการตอบกลับด้วยเสียงหรือข้อความอัตโนมัติ)
- รองรับการแจ้งเตือนแบบสั่นเพื่อให้รู้ได้โดยไม่ต้องดูหน้าจอ
2. ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกาย
- การติดตามการออกกำลังกาย
บันทึกข้อมูลกิจกรรม เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน และการว่ายน้ำ พร้อมวิเคราะห์ผลผ่านแอป เช่น Google Fit หรือ Fitbit - วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ใช้เซนเซอร์บนสมาร์ตวอชในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ - ติดตามการนอนหลับ
วิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับ รวมถึงเวลาการนอนหลับลึกและตื่น - การตรวจจับความเครียด
ช่วยแนะนำการผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจ (Breathing Exercise)
3. การใช้งานคำสั่งเสียง (Google Assistant)
- สั่งการผ่านเสียง เช่น “บอกสภาพอากาศวันนี้” หรือ “เปิดเพลงใน Spotify”
- ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ตโฮม เช่น เปิดไฟ ปรับอุณหภูมิ หรือสั่งการกล้องวงจรปิด
- ค้นหาข้อมูลหรือแปลภาษาแบบทันที
4. ระบบนำทางและแผนที่ (Navigation)
- ใช้ Google Maps ในการนำทางแบบย่อ บอกเส้นทางโดยไม่ต้องหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา
- รองรับการแจ้งเตือนการเลี้ยวหรือเส้นทางที่ใกล้เคียง
5. การชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment)
- รองรับ Google Pay สำหรับการชำระเงินในร้านค้าที่รองรับระบบ NFC โดยไม่ต้องใช้สมาร์ตโฟน
- ฟีเจอร์นี้อาจขึ้นอยู่กับประเทศและรุ่นของสมาร์ตวอช
6. การดาวน์โหลดและใช้งานแอปพลิเคชัน
- รองรับแอปจาก Google Play เช่น Spotify, WhatsApp, Strava, และแอปสุขภาพต่าง ๆ
- สามารถปรับแต่งหน้าปัด (Watch Face) ให้เหมาะกับสไตล์และความต้องการของผู้ใช้
7. ควบคุมสมาร์ตโฟน
- ใช้สมาร์ตวอชเป็นรีโมตควบคุมกล้องหรือเพลงบนสมาร์ตโฟน
- ค้นหาโทรศัพท์หากทำหาย (Find My Phone)
8. การปรับแต่งและใช้งานส่วนตัว
- เปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา (Watch Face) ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบดิจิทัลและอนาล็อก
- ปรับแต่งการแจ้งเตือนและการแสดงผลข้อมูลที่เหมาะสมกับความต้องการ
Wear OS เป็นระบบปฏิบัติการที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเทคโนโลยีและสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยบริหารจัดการชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายมากขึ้น!
Wear OS ใช้กับ iPhone ได้ไหม?
Wear OS รองรับการใช้งานกับ iPhone โดยสามารถเชื่อมต่อผ่านแอป Wear OS by Google ที่มีให้ดาวน์โหลดใน App Store ฟีเจอร์พื้นฐานที่สามารถใช้งานได้บน iPhone มีดังนี้
- รับการแจ้งเตือน (Notifications)
สามารถแสดงการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น ข้อความ อีเมล และสายเรียกเข้า - การติดตามสุขภาพและการออกกำลังกาย
ใช้งานฟีเจอร์สุขภาพ เช่น การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การนับก้าวเดิน และการติดตามการออกกำลังกาย - การใช้งาน Google Assistant
สามารถสั่งงานด้วยเสียง เช่น ค้นหาข้อมูล หรือถามคำถามทั่วไป - แอป Google บางตัว
ใช้งานแอปที่รองรับ Wear OS เช่น Google Fit, Google Keep หรือ Google Maps
ข้อจำกัดเมื่อใช้งานกับ iPhone
แม้ว่า Wear OS จะสามารถเชื่อมต่อกับ iPhone ได้ แต่มีข้อจำกัดบางประการ
- การตอบกลับข้อความ
- ไม่สามารถตอบกลับข้อความหรืออีเมลได้โดยตรงจากนาฬิกา (ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะ Android)
- การเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน
- แอปพลิเคชันบางตัว เช่น WhatsApp หรือ Facebook Messenger อาจไม่มีฟีเจอร์ครบถ้วน
- การใช้งานฟีเจอร์ของ Apple
- ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์เฉพาะของ Apple เช่น iMessage หรือ Apple Health
- การซิงค์ข้อมูล
- ข้อมูลบางประเภท เช่น การออกกำลังกาย อาจไม่ซิงค์กับแอปพลิเคชันของ Apple ได้อย่างสมบูรณ์
Wear OS เหมาะกับการใช้งานกับ iPhone หรือไม่?
Wear OS สามารถใช้งานร่วมกับ iPhone ได้ดีในระดับหนึ่ง หากคุณต้องการสมาร์ตวอชที่มีดีไซน์หลากหลายและต้องการฟีเจอร์ที่เน้นการติดตามสุขภาพหรือการแจ้งเตือนพื้นฐาน แต่หากคุณต้องการใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพและผสานเข้ากับระบบ iOS ได้สมบูรณ์ การเลือกใช้ Apple Watch อาจตอบโจทย์มากกว่า
คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ iPhone
- ตรวจสอบฟีเจอร์ของ Wear OS รุ่นที่สนใจว่าเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการหรือไม่
- หากคุณต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การตอบกลับข้อความ การเชื่อมต่อแบบสมบูรณ์ หรือการใช้งานร่วมกับแอป Apple Health อาจต้องพิจารณารุ่นอื่น ๆ เช่น Apple Watch
Wear OS มีรุ่นไหนบ้างในปี 2024?
ปัจจุบัน Wear OS มีการอัปเดตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแบรนด์สมาร์ตวอชหลากหลายที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้
- Google Pixel Watch
สมาร์ตวอชเรือธงจาก Google ที่มีดีไซน์หรูและรองรับฟีเจอร์ครบครัน - Samsung Galaxy Watch Series
เช่น Galaxy Watch 6 และ 6 Classic ที่มาพร้อมกับระบบ One UI บนพื้นฐาน Wear OS - Fossil Gen 6
สมาร์ตวอชแฟชั่นที่เน้นดีไซน์และการใช้งานฟีเจอร์สุขภาพ - Mobvoi TicWatch Series
เช่น TicWatch Pro 5 ที่มาพร้อมชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูงและแบตเตอรี่อึด - Montblanc Summit 3
สำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตวอชระดับหรู - Suunto 7
สมาร์ตวอชสำหรับนักกีฬาและผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง
ในปี 2024 Google ได้อัปเดต Wear OS 4 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การปรับปรุงแบตเตอรี่ การซิงค์ข้อมูลเร็วขึ้น และการควบคุมการตั้งค่าผ่านสมาร์ตโฟน
Wear OS เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่ใช้งานสะดวก รองรับการติดตามสุขภาพ และเชื่อมต่อกับชีวิตดิจิทัลได้อย่างไร้รอยต่อ!