ติดต่อเรา 08.00 - 17.30
โทร 02-943-0180 ต่อ 120
pngtree black ribbon for condolence mourning and melanoma awarness png image
Product categories

นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ Apple Intelligence แตกต่างจาก AI ของบริษัทอื่น

PFeature130667

งาน WWDC 2024 ที่ผ่านมาเป็นอีกงานที่หลายฝ่ายต่างจับตามองเนื่องจาก Apple เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงรายเดียวที่ล้าหลังเรื่อง AI แต่หลังจากการเปิดตัว Apple Intelligence กลายเป็นบริษัทอื่น ๆ อาจต้องพิจารณา AI ของตัวเองใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะ Google และ Microsoft

สำหรับ Microsoft นั้นมีหุ้นส่วนกับทาง OpenAI กว่า 10,000 ล้านเหรียญ บริษัทพัฒนา Copilot ที่นำ ChatGPT เข้ามาร่วมประมวลผลในผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น ตัว Windows รวมถึงแอปพลิเคชันอย่าง Office ส่วน Google ก็เปิดตัว Gemini ที่ผสานเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตัวเองรวมถึงเปิดให้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟน Android สามารถเข้าถึงบริการนี้ได้ด้วยรูปแบบคลาวด์ และสุดท้ายคือ AI ของ Apple ที่ใช้ชื่อว่า Apple Intelligence

[ux_html] [/ux_html] [gap]

แนวคิด

ชื่อ Apple Intelligence ไม่ได้ตั้งมาแค่ล้อคำว่า AI เท่านั้น หรือเป็นแค่การตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นคำที่สื่อความหมายได้กว้าง บริษัทมีความตั้งใจให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างชาญฉลาด โดยซีอีโอ ทิม คุก (Tim Cook) ได้พูดถึงแนวคิดในการพัฒนา Apple Intelligence ภายในงาน WWDC ไว้ด้วย

ระหว่างที่เรากำลังพัฒนาและสร้างความสามารถใหม่ ๆ ที่น่าทึ่งเหล่านี้ เราจะต้องมั่นใจว่าสิ่งที่ได้ออกมานั้นจะต้องสะท้อนถึงหลักการที่เป็นแกนหลักของผลิตภัณฑ์ มันจะต้องทรงพลังมากพอที่จะช่วยเหลือ (ผู้ใช้งาน) ในเรื่องที่สำคัญได้ มันจะต้องง่ายต่อการใช้งาน มันจะต้องผสานรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง ที่สำคัญ มันจะต้องเข้าใจผู้ใช้งาน เช่น กิจวัตรประจำวัน ความสัมพันธ์ การสื่อสาร และอื่น ๆ แน่นอนว่ามันจะต้องถูกสร้างขึ้นภายใต้กรอบของความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ต้นจนจบ

— ทิม คุก (Tim Cook)

ความเป็นส่วนตัวคือสิ่งสำคัญ

Apple เป็นบริษัทเดียวในอุตสาหกรรม AI ที่เคลียร์ชัดเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน เครก เฟเดริกิ (Craig Federighi) รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ กล่าวว่า Apple Intelligence เกิดขึ้นมาได้จากการพัฒนาโดยผสานรวมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Apple รวมถึงการลงทุนที่ยาวนานหลายปีของ Apple ในการสร้างซิลิคอนขั้นสูงสำหรับการประมวลผล AI บนอุปกรณ์ (On Device Processing)

ด้วยความที่ Apple สามารถควบคุมระบบนิเวศได้อย่างสมบูรณ์แบบ แตกต่างจาก Android และ Windows ที่ไม่ได้ผสานกันอย่างลงตัวมากนัก ด้วยซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ผสานกันอย่างลงตัวทำให้ระบบของ Apple สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ดีกว่า และยังสามารถประมวลผลเฉพาะคำสั่งที่ผู้ใช้งานร้องขอ โดยใช้ข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็นได้ด้วย

เมื่อคุณส่งคำสั่งให้ Apple Intelligence ระบบจะวิเคราะห์ว่าสามารถประมวลผลคำสั่งบนอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวได้หรือไม่ หากไม่เพียงพอ มันสามารถประมวลผลเพิ่มเติมบนคลาวด์ที่มีความเป็นส่วนตัว และส่งเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งที่ได้รับเท่านั้น เพื่อประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ซิลิคอนของ Apple ข้อมูลของคุณจะไม่ถูกจัดเก็บหรือเข้าถึงได้โดย Apple แต่จะถูกประมวลผลเพื่อคำสั่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

— เครก เฟเดริกิ (Craig Federighi)

ถือว่าเป็นประเด็นที่ต้องย้ำบ่อยมากว่า AI หรือ Apple Intelligence จะไม่มีการส่งข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับชุดคำสั่งที่เกิดขึ้นไปหากไม่จำเป็น อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวก็ไม่มีการจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด

AI สำหรับบุคคลทั่วไปอาจมองว่าเป็นกิมมิกที่ยังดูใช้งานจริงไม่ได้ขนาดนั้น แต่ Apple Intelligence จะมาสร้างความแตกต่างจาก AI ของบริษัทอื่น ๆ ให้มีประโยชน์กับอุปกรณ์ของ Apple มากขึ้น โดย Apple มีข้อได้เปรียบเหนือบริษัทอื่น ๆ คือสามารถควบคุมระบบนิเวศของตัวเองได้ชนิดที่บริษัทอื่นไม่สามารถทำได้เลย

ระบบนิเวศที่ได้เปรียบที่สุด

AI ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ที่สุดคือแชตบอตอย่าง ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งเราน่าจะได้เห็น Siri มีความสามารถเช่นนั้นมากขึ้น แต่ไม่ใช่แค่นั้น Siri จะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ Apple ได้เหนือกว่าบริษัทอื่น

ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตจริง เราได้รับอีเมลมา 1 ฉบับจากเพื่อนร่วมงานถามว่าเราว่างที่จะประชุมในวันอังคารหน้าหรือไม่ ซึ่ง Siri ทราบว่ามีอีเมลนั้นเข้ามาถึงระบบ พร้อมกับตรวจสอบปฏิธินแล้วพบว่าตารางเวลาค่อนข้างแน่น และแจ้งเตือนเราว่าวันอังคารหน้าตารางเต็มแล้ว พร้อมเสนอช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับเราให้ นั่นหมายความว่า Siri ที่ผสานรวมกับ Apple Intelligence ฉลาดมากพอที่จะเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่ง AI ลักษณะนี้ยังไม่มีบริษัทไหนทำมาก่อน แน่นอนว่า AI ในบริบทข้างต้นมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากกว่าเป็นแค่แชตบอตเสียอีก

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น Siri จะสามารถเข้าใจบริบทหลาย ๆ รูปแบบ และสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ในหลายแอปพลิเคชันได้มากขึ้น

— เครก เฟเดริกิ (Craig Federighi)
สิ่งเหล่านี้คือข้อได้เปรียบของ Apple ที่สามารถทำทุกอย่างได้และยังคงรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ได้ตามคอนเซปต์ของบริษัท ด้วยความฉลาดของ Apple Intelligence ทำให้ Siri สามารถดำเนินการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในนามของเจ้าของเครื่องโดยใช้บริบทและข้อมูลส่วนบุคคลของเราโดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานแต่อย่างใด

แหล่งที่มา :

    • ภาพและบทความภาษาไทยคัดลอกจาก beartai.com

ติดต่อ GreatOcean เพื่อรับคำปรึกษาฟรี และค้นพบโซลูชันความปลอดภัยที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณวันนี้!

Line : @greatocean
Tel : 099-495-8880
Facebook : https://www.facebook.com/gtoengineer/
Email : support@gtoengineer.com