ติดต่อเรา 08.00 - 17.30
โทร 02-943-0180 ต่อ 120
pngtree black ribbon for condolence mourning and melanoma awarness png image
Product categories

RAID คืออะไร? ทำไมทุก Server ต้องทำ และมีทั้งหมดกี่แบบ

what is raid

Raid คืออะไร

RAID (Redundant Array of Independent Disks) คือเทคโนโลยีที่รวมฮาร์ดดิสก์หลายตัวให้ทำงานร่วมกันในลักษณะเดียวกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลและเพิ่มความปลอดภัยสำหรับข้อมูลในระบบ RAID ช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียข้อมูลจากการทำงานผิดพลาดของฮาร์ดดิสก์ตัวใดตัวหนึ่ง และยังช่วยให้ระบบทำงานได้เร็วขึ้นในบางประเภท

RAID ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายในเซิร์ฟเวอร์ ระบบเครือข่าย และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น NAS (Network Attached Storage) เพื่อรองรับความต้องการขององค์กรที่ต้องการทั้งความปลอดภัยและความเร็ว

วัตถุประสงค์หลักของการใช้ RAID

  1. ความปลอดภัยของข้อมูล
    RAID ช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูล โดยใช้การสำรองข้อมูลหรือการกระจายข้อมูลข้ามฮาร์ดดิสก์หลายตัว
  2. ประสิทธิภาพของการเข้าถึงข้อมูล
    RAID สามารถเพิ่มความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลได้ด้วยการแบ่งการทำงานระหว่างดิสก์หลายตัว
  3. การปรับปรุงความสามารถในการใช้งานต่อเนื่อง
    เมื่อฮาร์ดดิสก์ตัวหนึ่งเสีย ระบบ RAID จะยังสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เกิด Downtime (ในบางประเภท)

ทำไม Server ต้องใช้ RAID

ในระบบเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญมาก การสูญเสียข้อมูลอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร ดังนั้น RAID จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ นอกจากนี้ RAID ยังช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผล โดยเฉพาะในระบบที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลแบบต่อเนื่อง เช่น ฐานข้อมูลและแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ทรัพยากรมาก

  • การเพิ่มความน่าเชื่อถือ ระบบ RAID ทำให้เซิร์ฟเวอร์สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีฮาร์ดดิสก์บางตัวเสีย
  • การเพิ่มประสิทธิภาพ RAID ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลเร็วขึ้นในกรณีที่ต้องอ่านข้อมูลจากดิสก์หลายตัวพร้อมกัน
  • การประหยัดเวลา การฟื้นฟูข้อมูลในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เสียสามารถทำได้รวดเร็ว

โครงสร้างและการทำงานของ RAID

การทำงานของ RAID จะเกี่ยวข้องกับการแบ่งและจัดเรียงข้อมูลบนดิสก์ในรูปแบบต่างๆ เช่น

  • Mirroring สร้างสำเนาข้อมูลเดียวกันบนฮาร์ดดิสก์หลายตัว
  • Striping แบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อยๆ และจัดเก็บบนฮาร์ดดิสก์หลายตัว
  • Parity ใช้คณิตศาสตร์ในการตรวจสอบและกู้คืนข้อมูลในกรณีที่ดิสก์ตัวใดตัวหนึ่งเสีย

ประเภทของ RAID

  • RAID 0 (Striping)

      • การทำงาน แบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนเล็กๆ และจัดเก็บบนดิสก์หลายตัว
      • ข้อดี เพิ่มความเร็วสูงสุด
      • ข้อเสีย ไม่มีความปลอดภัย หากดิสก์ตัวใดเสีย ข้อมูลทั้งหมดจะสูญหาย
  • RAID 1 (Mirroring)

      • การทำงาน สร้างสำเนาข้อมูลเดียวกันบนดิสก์สองตัวหรือมากกว่า
      • ข้อดี ความปลอดภัยสูง
      • ข้อเสีย ใช้พื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
  • RAID 5 (Striping with Parity)

      • การทำงาน ผสมผสานระหว่าง Striping และ Parity
      • ข้อดี สมดุลระหว่างความเร็วและความปลอดภัย
      • ข้อเสีย ต้องใช้ดิสก์อย่างน้อย 3 ตัว
  • RAID 6 (Dual Parity)

      • การทำงาน ใช้ Parity สองชุดเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
      • ข้อดี สามารถรองรับการเสียของดิสก์ได้ถึง 2 ตัว
      • ข้อเสีย มีความซับซ้อนและช้ากว่า RAID 5
  • RAID 10 (Combination of RAID 1 and RAID 0)

    • การทำงาน รวมคุณสมบัติของ RAID 0 และ RAID 1
    • ข้อดี ทั้งความเร็วและความปลอดภัยสูง
    • ข้อเสีย ต้องใช้ดิสก์อย่างน้อย 4 ตัว

การเปรียบเทียบประเภท RAID

การเลือกประเภท RAID ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการของระบบและลักษณะการใช้งาน การเปรียบเทียบแต่ละประเภท RAID จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ประเภท RAID ความเร็ว ความปลอดภัย ข้อกำหนดขั้นต่ำของดิสก์ ข้อดี ข้อเสีย
RAID 0 สูงมาก ไม่มี 2 ความเร็วสูงสุด ไม่มีการป้องกันข้อมูลสูญหาย
RAID 1 ปานกลาง สูง 2 ป้องกันข้อมูลสูญหายได้ดี ใช้พื้นที่จัดเก็บ 2 เท่า
RAID 5 สูง ปานกลาง 3 สมดุลระหว่างความเร็วและความปลอดภัย ช้าลงเมื่อเขียนข้อมูล
RAID 6 ปานกลาง สูงมาก 4 ป้องกันการเสียของดิสก์ 2 ตัว การเขียนข้อมูลช้ากว่า RAID 5
RAID 10 สูงมาก สูง 4 ความเร็วและความปลอดภัยสูงสุด ต้องการดิสก์จำนวนมาก

การเลือกใช้ RAID ในการทำงาน

การเลือกประเภท RAID ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เช่น

  1. สำหรับการใช้งานส่วนบุคคล
    หากต้องการเก็บข้อมูลสำคัญ RAID 1 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากให้ความปลอดภัยสูง
  2. สำหรับองค์กรขนาดเล็ก
    RAID 5 เป็นตัวเลือกยอดนิยม เพราะสมดุลระหว่างความเร็วและความปลอดภัย โดยไม่ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บมากเกินไป
  3. สำหรับองค์กรขนาดใหญ่หรือศูนย์ข้อมูล (Data Center)
    RAID 10 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากรองรับทั้งความเร็วและความปลอดภัยในระดับสูง

ข้อควรระวังและข้อจำกัดของ RAID

แม้ว่า RAID จะเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความปลอดภัยและความเร็ว แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ

  • ค่าใช้จ่าย
    การตั้งค่า RAID โดยเฉพาะ RAID ที่ซับซ้อน เช่น RAID 6 หรือ RAID 10 อาจมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้ดิสก์จำนวนมาก
  • ความซับซ้อนในการตั้งค่า
    การตั้งค่า RAID อาจต้องการความรู้และทักษะเฉพาะทาง
  • ไม่ใช่การสำรองข้อมูล (Backup)
    RAID ไม่สามารถแทนที่การสำรองข้อมูลได้ หากเกิดปัญหาเช่นไฟไหม้หรือไวรัส ข้อมูลอาจสูญหายทั้งระบบ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ RAID

  1. RAID เหมาะสำหรับใคร?
    RAID เหมาะสำหรับทั้งผู้ใช้ส่วนบุคคลและองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูลและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
  2. RAID ทำงานได้บนระบบปฏิบัติการใด?
    RAID สามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการหลักๆ เช่น Windows, Linux และ macOS
  3. การตั้งค่า RAID ยากหรือไม่?
    การตั้งค่า RAID อาจดูซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น แต่หากใช้อุปกรณ์ที่รองรับ RAID เช่น NAS การตั้งค่าจะง่ายขึ้นมาก
  4. RAID 0 เหมาะกับการใช้งานแบบไหน?
    RAID 0 เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงสุด เช่น การตัดต่อวิดีโอหรือการเล่นเกม แต่ไม่ควรใช้สำหรับข้อมูลที่สำคัญ
  5. RAID สามารถใช้งานกับ SSD ได้หรือไม่?
    RAID สามารถใช้งานกับ SSD ได้และมักจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ HDD

สรุป

RAID เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการจัดการข้อมูลในระบบเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล มันช่วยเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูล หากคุณเป็นผู้ดูแลระบบหรือเจ้าของธุรกิจ การเลือกใช้ RAID ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของระบบอย่างมาก

 

การติดต่อ Great Ocean เพื่อขอคำแนะนำในการทำ RAID สำหรับ Server สามารถทำได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

โทร : 02-943-0180 ต่อ 120
โทร : 099-495-8880
E-mail : support@https://www.https://www.gtoengineer.com/wp-content/uploads/2025/07/monitor-samsung-odyssey-oled-g9-gaming-ls49dg950sexxt.webpengineer.com/wp-content/uploads/2025/07/b2b-solution-conference-room.webpengineer.com

ติดต่อ GreatOcean เพื่อรับคำปรึกษาฟรี และค้นพบโซลูชันความปลอดภัยที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณวันนี้!

Line : @greatocean
Tel : 099-495-8880
Facebook : https://www.facebook.com/gtoengineer/
Email : support@gtoengineer.com