พันธมิตร
Great ocean engineering x dobot – Thailand
ตัวแทนจำหน่าย Dobot หุ่นยนต์ Cobot ในประเทศไทย
เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ด้วยหุ่นยนต์ Cobot ที่ทำงานได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
ตัวแทนจำหน่าย แขนกล หุ่นยนต์ Cobot โรบอทอาร์ม แขนโรบอท Robot Arms แขนหุ่นยนต์ AI แบรนด์ Dobot และแบรนด์ชั้นนำ อย่างเป็นทางการ ในประเทศไทย
เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ด้วยหุ่นยนต์ Cobot ที่ทำงานได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
ดูว่าหุ่นยนต์ Dobot สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับธุรกิจอย่างไร
เพิ่มผลผลิต ความปลอดภัย และความแม่นยำในการทำงานซ้ำๆ ผ่านระบบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดหาพนักงาน การฝึกอบรม หรือความปลอดภัยของพนักงาน
read moreงานที่ซ้ำซากจำเจ ต้องใช้แรงงานมาก และท้าทาย สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยโคบอทด้วยความเร็วในการทำงานที่เหนือกว่า
ระบบอัตโนมัติด้วยโคบอทช่วยให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐานสูง โดยมีความแม่นยำ ±0.02 มม. ซึ่งทำให้โคบอทเหมาะสมสำหรับการทดสอบและตรวจสอบ
การย้ายโคบอทระหว่างสายการผลิตและงานต่างๆ ทำได้รวดเร็วและง่ายดาย การออกแบบแบบเสียบปลั๊กและเล่นได้ทันที และการเขียนโปรแกรมที่ง่ายดาย ช่วยให้สามารถติดตั้งได้อย่างราบรื่นทุกที่และมีความยืดหยุ่นสูง
โคบอทสามารถผสานรวมเข้ากับพื้นที่ทำงานได้อย่างราบรื่น ช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับคนงานได้อย่างปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ป้องกันการชนล่วงหน้า SafeSkin® ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ทำให้สามารถควบคุมและตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์
Dobot เป็นแบรนด์หุ่นยนต์ที่ได้รับความนิยม ซึ่งมีหลากหลายรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การศึกษา ไปจนถึงงานอุตสาหกรรม มาทำความรู้จักกับสายผลิตภัณฑ์ของ Dobot กันเลยครับ
DOBOT Nova Series คือกลุ่มของหุ่นยนต์แขนกลขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย เหมาะสำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์หลากหลายประเภท
read moreMG400 เป็นแขนกลหุ่นยนต์ขนาดเล็กมาก (Desktop grade) ที่มีพื้นที่ตั้งน้อยกว่ากระดาษขนาด A4 ใช้งานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย ใช้งานง่าย และติดตั้งได้รวดเร็ว เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการอัตโนมัติการผลิตแบบเบ็ดเสร็จที่มีความยืดหยุ่น ด้วยน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 750 กรัม ระยะเอื้อมสูงสุด 440 มิลลิเมตร ฟังก์ชั่นการลากสอน (drag-to-teach) และการตรวจจับการชน MG400 จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับงานอัตโนมัติอัจฉริยะ
read moreMagician เป็นหุ่นยนต์ 4 แกนระดับเดสก์ท็อปตัวแรกของโลก สามารถทำงานได้หลากหลาย เช่น พิมพ์ 3 มิติ แกะสลักเลเซอร์ เขียนลายเส้น และเขียนภาพ มีพอร์ตอินเทอร์เฟซ 13 ช่อง รองรับการพัฒนาต่อยอด โครงการในห้องปฏิบัติการ และหลักสูตรหุ่นยนต์ศึกษา
read moreDOBOT Magician E6 เป็นหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน 6 แกนระดับเดสก์ท็อป ออกแบบมาสำหรับการศึกษาและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สามารถจำลองสถานการณ์การทำงานอัตโนมัติต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ เพื่อมอบประสบการณ์การเรียนรู้และการวิจัยที่สมจริง Magician E6 มีอินเทอร์เฟซจำนวนมากสำหรับการพัฒนาขั้นสูง และมีสื่อการเรียนการสอนด้านหุ่นยนต์ศึกษา เปิดโอกาสสู่รูปแบบการศึกษาแบบใหม่ เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสำรวจ AI การผลิตอัจฉริยะ และสาขาวิชาอื่นๆ
read moreซีรีส์ CRA หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานรุ่นใหม่ ได้รวมข้อต่อแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เวลาในการทำงานลดลง 25% และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตู้ควบคุมใหม่และซอฟต์แวร์ระบบ DobotStudio Pro ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ความเสถียร และขีดความสามารถในการปรับขยายได้อย่างครอบคลุม และยกระดับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรไปอีกขั้น
read more
กลุ่มงานส่งเสริมและบริการวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี (เอกชนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้)
กลุ่มงานส่งเสริมและบริการวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (ภายใต้สำนักงานวิจัย นวัตกรรม และพันธมิตร) ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงการคลังให้เป็นหน่วยงาน “ผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี” หน่วยงานในลำดับที่ 430 ตามประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่อง “รายชื่อผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี (ฉบับที่ 389)” ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนที่มาว่าจ้างกลุ่มงานส่งเสริมและบริการวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทำวิจัยสามารถนำไปลดหย่อนภาษี (ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐในแต่ละปี) โดยขอบเขตงานที่เกี่ยวข้องตามประกาศกระทรางการคลังเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 391) เรื่อง “กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับรายจ่ายเพื่อทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม” ซึ่งการรับจ้างวิจัยถือเป็นงานบริการวิชาการตามระเบียบมหาวิทยาลัยฯ ว่าด้วยการรับจ่ายเงินงานรับจ้างและค่าบริการ ฉบับ พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2551
กิจกรรมการวิจัย ที่ผู้ว่าจ้างสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ประกอบด้วย
1. การดำเนินงานเชิงทฤษฎี เชิงปฏิบัติการ หรือการดำเนินงานใดๆ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง ค้นหาความรู้ใหม่ หรือเพื่อความก้าวหน้าจากความรู้เดิมที่มีอยู่
2. การค้นคว้า การวิจัย การพัฒนา หรือการดำเนินการอื่นใด เพื่อใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้พื้นฐาน
3. การคิดค้นสูตรหรือการออกแบบเพื่อประยุกต์ใช้ประโยชน์
4. การทดสอบเพื่อค้นหาหรือประเมินทางเลือกต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ใหม่ บรรจุภัณฑ์ใหม่ กระบวนการใหม่ และการบริการใหม่
5. การออกแบบ สร้างและการทดสอบชิ้นงาน ต้นแบบ หุ่นจำลอง และชุดพัฒนา
6. การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ กระบวนการ การบริการ หรือระบบใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ หรือเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงของเดิมอย่างมีสาระสำคัญ หรือที่มีการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา
7. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ
8. การสร้างกระบวนการผลิตนำร่อง
9. กิจกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตที่สืบเนื่องจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ หรือการสร้างกระบวนการผลิตนำร่อง
10. งานวิศวกรรมอุตสาหการและการตั้งเครื่องใหม่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการใหม่ที่สืบเนื่องจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ หรือการสร้างกระบวนการผลิตนำร่อง
11. การออกแบบเพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือกระบวนการผลิตใหม่ที่สืบเนื่องจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ หรือการสร้างกระบวนการผลิตนำร่อง
12. อื่นๆ ได้แก่
12.1 การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์ (IT/Software)
– การพัฒนาหรือปรับปรุงให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ หรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน
– การพัฒนาอัลกอริทึม หรือลำดับขั้นตอนในกระบวนการทำงาน
– การออกแบบเทคนิคการจัดการฐานข้อมูลใหม่
– การพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์ ซึ่งจะต้องแสดงให้เห็นว่ากระบวนการมีลักษณะสำคัญหรือลักษณะเฉพาะที่พิเศษและมีประสิทธิภาพดีขึ้น
12.2 การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านยาและเคมีภัณฑ์ (Pharmaceutics/Chemicals)
– การผลิตยาให้เหมือนยาต้นแบบที่หมดระยะเวลาการคุ้มครองตามสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรแล้ว
– การทดสอบประสิทธิภาพสารเคมี ซึ่งมีการแสดงให้เห็นกระบวนการทดลองหรือแนว ทางการดำเนินงานในเชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นการประเมินทางเลือกของผลิตภัณฑ์ และสามารถนำไปใช้ได้จริง
– การดำเนินงานทดสอบหรือการขอการรับรองมาตรฐานที่เป็นการสร้างความก้าวหน้าจากองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ หรือต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาในเชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยพิจารณาตามลักษณะการดำเนินการเป็นรายโครงการ
12.3 การประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment : LCA)
12.4 การนำองค์ความรู้จากการซื้อและใช้สิทธิในเทคโนโลยี (Licensing) สำหรับนำมาใช้พัฒนาต่อยอดการปรับปรุงเครื่องจักร หรือการทดสอบการทำงานทั้งระบบ (Commissioning Test) หรือการทำ Production Test ตามระยะเวลาของการดำเนินงาน
Cobot หรือ Collaborative Robot คือ หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างใกล้ชิดและปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องมีการกั้นรั้วหรือพื้นที่ทำงานแยกต่างหากเหมือนหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วไป
Automation ความรู้ทั่วไป
ระบบอัตโนมัติเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมยุคใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน ระบบเหล่านี้ช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์ ทำให้กระบวนการผลิตมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย เช่น โรงงานเคมี หรือกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงPLC (Programmable Logic Controller) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมกระบวนการทางอุตสาหกรรมแบบอัตโนมัติ โดยสามารถโปรแกรมให้ทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้ มีบทบาทสำคัญในระบบอัตโนมัติของโรงงาน เช่น การควบคุมสายพานลำเลียง ควบคุมเครื่องจักร และตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์PLC คืออะไร ?คำจำกัดความของ PLCPLC เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมกระบวนการอุตสาหกรรมโดยใช้ซอฟต์แวร์ในการกำหนดตรรกะการทำงานแทนการใช้วงจรไฟฟ้าแบบรีเลย์ดั้งเดิมจุดเริ่มต้นและประวัติความเป็นมาของ PLCPLC ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1960 โดยบริษัท General Motors เพื่อใช้แทนวงจรควบคุมแบบรีเลย์ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของระบบควบคุมและเพิ่มความสามารถในการปรับเปลี่ยนการทำงานของเครื่องจักรได้ง่ายขึ้นหลักการทำงานของ PLCโครงสร้างพื้นฐานของ PLCPLC ประกอบด้วยส่วนสำคัญ ได้แก่ หน่วยประมวลผลกลาง (CPU), หน่วยความจำ, อินพุตและเอาต์พุต, แหล่งจ่ายไฟ และอุปกรณ์สื่อสารวงจรการทำงานของ PLCPLC ทำงานตามลำดับขั้นตอนดังนี้:ส่วนประกอบหลักของ PLCหน่วยประมวลผลกลาง (CPU)CPU เป็นหัวใจของ PLC ทำหน้าที่ประมวลผลตรรกะที่ถูกกำหนดไว้ในโปรแกรม และควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ ในระบบหน่วยความจำ (Memory)ใช้เก็บโปรแกรมที่กำหนดให้ PLC ทำงาน รวมถึงข้อมูลที่ใช้ในระหว่างการประมวลผลอินพุตและเอาต์พุต (I/O Modules)แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply)จ่ายไฟให้กับ PLC โดยปกติจะใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) หรือไฟฟ้ากระแสสลับ (AC)อุปกรณ์สื่อสาร (Communication Ports)ใช้ในการเชื่อมต่อ PLC กับอุปกรณ์อื่น เช่น คอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่ายภายในโรงงานประเภทของ PLCCompact PLCPLC แบบรวมทุกส่วนประกอบไว้ในตัวเดียว เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการขยายระบบมากนักModular PLCPLC ที่สามารถเพิ่มหรือเปลี่ยนโมดูลต่างๆ ได้ตามความต้องการ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงRack-mounted PLCPLC ที่ติดตั้งเป็นโมดูลบนแร็ค เหมาะสำหรับระบบขนาดใหญ่ที่ต้องการควบคุมหลายกระบวนการพร้อมกันภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม PLCLadder Diagram (LD)ภาษาที่ใช้สัญลักษณ์เหมือนวงจรรีเลย์ เหมาะสำหรับวิศวกรไฟฟ้าFunction Block Diagram (FBD)ใช้บล็อกฟังก์ชันเพื่อกำหนดตรรกะการทำงาน เหมาะสำหรับการทำงานที่มีโครงสร้างชัดเจนStructured Text (ST)เป็นภาษาข้อความที่ใช้โครงสร้างคล้ายภาษาการเขียนโปรแกรม เช่น Pascal หรือ CInstruction List (IL)ใช้คำสั่งแบบลำดับขั้นตอน เหมาะสำหรับการโปรแกรมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงSequential Function...
Automation
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หุ่นยนต์กลายเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตและการบริการ หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจคือ “Cobot” หรือ Collaborative Robot ซึ่งมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างจากหุ่นยนต์ทั่วไปอย่างชัดเจน ในบล็อกนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Cobot และความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Cobot กับ Robot ทั่วไป Cobot คืออะไร? Cobot หรือ Collaborative Robot คือ หุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับมนุษย์ในสภาพแวดล้อมการทำงาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงาน Cobot มักมีลักษณะเป็นแขนกลที่มีน้ำหนักเบา และสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ทำให้สามารถทำงานใกล้ชิดกับคนได้อย่างปลอดภัย คุณสมบัติของ Cobot ความแตกต่างระหว่าง Cobot และ Robot ทั่วไป แม้ว่าหุ่นยนต์ทั้งสองประเภทจะมีลักษณะการทำงานที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญในหลายด้าน 1. บทบาทในการทำงาน ของ Cobot 2. ขนาดและการเคลื่อนไหว ของ Cobot 3. การเขียนโปรแกรม ใน Cobot 4. ความปลอดภัย ของ Cobot ข้อดีของ Cobot สรุป Cobot เป็นหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับมนุษย์ โดยเน้นความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งแตกต่างจาก Robot ทั่วไป ที่มักจะถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่แรงงานมนุษย์ในกระบวนการผลิต การเลือกใช้ Cobot หรือ Robot ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร ด้วยคุณสมบัติและข้อดีของ Cobot ที่กล่าวถึงข้างต้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมองค์กรต่าง ๆ จึงเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของตนเอง นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี Cobot ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สนใจใช้ Automation Machine หรือ Cobot ในธุรกิจคุณ ติดต่อได้ที่ โทร : 02-943-0180 ต่อ 120โทร : 099-495-8880E-mail : support@gtoengineer.com Line@ : @greatocean
Automation Industry Logistics Robotics คลังความรู้
รถ AGV คืออะไร? รถ AGV หรือ Automated Guided Vehicle เป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ซึ่งมักถูกนำมาใช้ในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม เช่น โรงงานและคลังสินค้า การทำงานของรถ AGV ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ ระบบนำทาง และซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการควบคุมการเคลื่อนที่ โดยรถ AGV จะสามารถเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่กำหนดได้โดยไม่ต้องมีมนุษย์ขับ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้รถ AGV ได้รับความนิยมในการขนส่งวัสดุภายในโรงงานหรือคลังสินค้า สำหรับการประยุกต์ใช้รถ AGV ในอุตสาหกรรม มีหลายประเภทที่ถูกพัฒนาขึ้นตามความต้องการที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการขนส่งสินค้าหรือวัสดุที่มีน้ำหนักมาก รถ AGV สามารถช่วยให้การดำเนินงานมีความราบรื่นยิ่งขึ้น ลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรในองค์กร รถ AGV สามารถแบ่งประเภทออกได้ตามวัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งาน เช่น AGV Robot ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะ โดยไม่จำเป็นต้องมีการโต้ตอบจากมนุษย์ ในขณะที่รถ AGV อื่นๆ อาจจะทำงานร่วมในสภาพแวดล้อมที่มีคนอยู่ รถ AGV ยังช่วยลดเวลาในการขนส่งสินค้า ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจ อันเป็นการสนับสนุนการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ประเภทของรถ AGV รถ AGV (Automated Guided Vehicle) ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งวัสดุในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยมีประเภทที่หลากหลายซึ่งสามารถแบ่งออกได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ในการนำทางและการทำงานของรถยนต์ดังกล่าว ประเภทที่พบได้บ่อยที่สุดได้แก่ รถ AGV ที่ใช้การติดตามเส้นบนพื้น, รถ AGV ที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ และรถ AGV ที่ใช้ GPS ประเภทแรกคือ รถ AGV ที่ใช้การติดตามเส้นบนพื้น ซึ่งมีลักษณะการทำงานที่ใช้สายไฟหรือเส้นสีทึบบนพื้นเพื่อนำทาง โดยระบบจะตรวจจับเส้นดังกล่าวเพื่อควบคุมการเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนด ข้อดีของรถประเภทนี้คือสามารถสร้างเส้นนำทางได้อย่างง่ายดายและไม่ต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมมากเกินไป ต่อมาคือ รถ AGV ที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ ซึ่งมีความสามารถในการสร้างแผนที่พื้นฐานของพื้นที่โดยรอบได้อย่างอัตโนมัติ เทคนิคนี้ช่วยให้อุปกรณ์สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น เนื่องจากสามารถเลี่ยงอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย สุดท้าย รถ AGV ที่ใช้ GPS เป็นตัวช่วยในการระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่แม่นยำ ซึ่งมักถูกนำมาใช้ในคลังสินค้าขนาดใหญ่และพื้นที่เปิด เพื่อให้สามารถทำงานในระดับที่ชัดเจนและมองเห็นได้ดีกว่าในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย การทำงานของรถ AGV แต่ละประเภทแตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมที่พวกเขาจะใช้...
สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญจาก Great Ocean เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
สำหรับรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ทันที